Apple ได้เปิดตัว OS X 10.11 เป็นที่เรียบร้อย ใช้ชื่อว่า El Capitan (หุบเขาในอุทยานแห่งชาติ Yosemite) โดยครั้งนี้จะเน้นไปที่ประสบการณ์ใช้งานและความเสถียรเป็นหลัก
บนเวที WWDC 2015 เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา Apple เปิดตัว OS X เวอร์ชั่นใหม่ในชื่อ El Capitan มาในคอนเซ็ปต์ที่เน้นประสบการณ์และประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่ง Craig Federighi ผู้บริหารของ Apple แจงรายละเอียดการใช้งานให้ทราบดังนี้
1. บราวเซอร์ซาฟารีได้รับการพัฒนาให้สามารถเก็บเว็บไซต์ที่เยี่ยมชมบ่อยครั้งได้ โดยการลากแท็บเข้ามาทางด้านซ้าย นอกจากนี้ในแท็บค้นหาของซาฟารีสามารถเปิด-ปิดเสียงได้ โดยจะมีปุ่มบลำโพงแสดงอยู่
2. เพิ่มฟีเจอร์ Gesture สามารถใช้การ swipe บน Trackpad สำหรับการจัดการอีเมล์ได้ คล้าย iOS
3. เพิ่มฟีเจอร์ Split view แบ่งหน้าจอออกเป็นสองส่วน สำหรับการเปิดใช้งานสองแอพพร้อมกัน
4. Spotlight ปรับปรุงประสิทธิภาพให้ตอบสนองการค้นหางานด้วยคำสั่งที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เช่น documents I worked on in June นอกจากนี้ยังสามารถแสดงสภาพอากาศ หุ้น ผลกีฬาได้อีกด้วย
5. มีระบบ Metal for Mac สนับสนุน OpenGL การแสดงผลกราฟิกที่ให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 40%
6. OS X El Capitan ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพหลายอย่าง อาทิ แอพเปิดเร็วขึ้น 1.4 เท่า, เปิดสลับไป-มาระหว่างแอพเร็วขึ้น 2 เท่า, เปิดอีเมลฉบับแรกเร็วขึ้น 2 เท่า และเปิด PDF ใน Preview เร็วขึ้น 4 เท่า
Apple จะปล่อย OS X El Capitan รุ่น Dev Preview วันนี้ และจะมีรุ่น Public Beta ออกมาภายในเดือนกรกฎาคม ส่วนตัวเต็มจะปล่อยออกมาในปลายปี และแน่นอนว่าเวอร์ชั่นนี้ผู้ใช้ Mac ยังอัพเกรดฟรีเช่นเคย
นอกจากนั้นภายในงาน Apple ยังเปิดให้บริการ Apple Music อย่างเป็นทางการ รองรับ Windows และ Android พร้อมกับการทดลองใช้ฟรี 3 เดือน
อีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนตั้งตารอคอยคือการให้บริการฟังเพลงออนไลน์ Apple Music ซึ่งมาพร้อมการฟังเพลงหลาย 10 ล้านเพลงในคลังของ Apple โดยมีเพลย์ลิสต์ให้เลือก หรือจะใช้งาน Siri ในการค้นหาเพลงการทำได้ง่ายๆอีกด้วย
ติดตามศิลปินคนโปรดได้เมนู Connect เปิดโอกาสให้แฟนเพลงได้ใกล้ชิดกับผลงานเพลง แรงบันดาลใจ และเรื่องราวและสิ่งดีๆ มากมายที่ส่งตรงจากตัวศิลปิน รวมไปถึงเบื้องลึกเบื้องหลังที่อาจไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับเพลงที่ฟังมาแถมยังสามารถแชร์ผ่านข้อความ, Facebook, Twitter และเมื่อเราพิมพ์แสดงความคิดเห็น ศิลปินก็สามารถตอบเราได้โดยตรงอีกด้วย
Apple Music ให้บริการสมาชิกได้ทดลองใช้ฟรี 3 เดือน ในอัตราค่าบริการ 9.99 เหรียญสหรัฐ และมีแพ็คเกจสำหรับครอบครัว สุงสุด 6 คน ในราคา 14.99 เหรียญสหรัฐ ซึ่งบริการนี้พร้อมให้ใช้มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
Apple Music สามารถใช้งานได้ทั้งบน iPhone, iPad, iPod touch ต้องอัพเดทเป็น iOS 8.4 ก่อนส่วน watchOS นั้นให้อัพเดทจาก iPhone ที่จับคู่ไว้ สำหรับบน Mac และ PC ให้อัพเดท iTunes เวอร์ชั่นล่าสุดก่อน เริ่มบริการ 30 มิถุนายนนี้ ส่วน Apple TV และ Android นั้นจะสามารถใช้บริการ Apple Music ได้ภายในปีนี้