นอกเหนือจากตัวตนหลากหลายแนวของลอปติมัมที่เราเชื้อเชิญคุณไปสัมผัส ผ่านบทความแฟชั่น รถยนต์ นาฬิกา สปอร์ต ประเด็ดฮอต และการเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกแล้ว บัดนี้อยากให้คุณเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อพบกับ ‘ความแมน’ ฉบับใหม่ ผ่านเรื่องราวความน่าสนใจที่เรา ‘คัดสรร’ มาอย่างดิบดี…
ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดจะมีเนื้อหาที่เข้มข้นขึ้น สนุกมากยิ่งขึ้น โดยมีแขกรับเชิญพิเศษจาก 7 สาขา มาร่วมสร้างสีสัน ให้กับลอปติมัม ซึ่งแต่ละท่านมาพร้อมกับความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมไปถึงเรื่องราวต่างๆที่จะสะท้อนมุมมองของผู้ชายลอปติมัม จะเป็นใครบ้างนั้นมาดูกันเลย
ขันเงิน เนื้อนวล
หรือ ขันเงิน ไทยเทเนียม ที่ใครๆรู้จัก อยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงมายาวนาน จนใครๆ จำภาพเขาเป็นแต่นักร้องฮิปฮอป แต่วันนี้เขาไม่เพียงเป็นนักร้อง นักดนตรี ศิลปิน ดีเจแผ่นที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงในระดับอินเตอร์แล้ว แต่ยังเป็นนักธุรกิจและเจ้าของสายการบิน Asian Air ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วด้วย
ขันเงินเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง ไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่มุ่งไปในสายดนตรีที่รักอย่างแน่วแน่ และรับผิดชอบต่อการตัดสินใจของตนเอง จนมีวันนี้ที่น่าภูมิใจ “ชีวิตผมทุกวันนี้จะอยู่แต่กับงาน เพราะเรายังมีแรง ก็อยากทำงานให้เต็มที่ก่อน ผมคิดว่าเราต้องทำอย่างไรก็ได้ให้ไม่กลับไปในจุดที่ยากลำบากมากที่เคยเจอมา ถึงวันนี้คนเปิดโอกาสให้ได้ทำอะไรใหม่ๆ เสมอ นั่นเป็นเพราะผมเอาจริงกับทุกอย่างในชีวิต และพิสูจน์ให้คนเห็นความสามารถในตัวเรา”
ความชื่นชอบในดนตรีนั้นมีมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบแล้ว หลังจากถูกส่งไปเรียนไฮสคูลที่อเมริกา ก็มีโอกาสได้ไปประกวดดีเจในหลายเวที รวมถึงเวทีระดับโลกที่อิตาลี แล้วมาทำงานกับค่ายเพลงที่เมืองไทยอยู่สักพักก็บินไปนิวยอร์ค เพื่อได้ทำงานเพลงที่รักและเรียนรู้โลกกว้าง ต่อให้ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากก็ยอม โดยมีเพื่อนร่วมฟันผ่าความยากลำบากคือสมาชิกวงไทยเทเนียมอีก 2 คนนั่นเอง
ขันเงินในวันนี้เป็นนักธุรกิจหนุ่ม มีชื่อเสียง มีความสุข และเป็นที่ยอมรับ เขาพูดด้วยรอยยิ้มและดวงตาที่เป็นประกายว่า
“ผมจะกลับมาเป็นดีเจแผ่นอีกครั้งหลังจากที่หายไปนานถึง 18 ปี เพราะมันเป็นสิ่งที่เรารักและเป็นจุดเริ่มต้นของเรา”
นอกจากนั้นเขายังมีผลงานในโปรเจกต์พิเศษ ที่ร่วมกันเพื่อนชาวออสเตรเลีย คีซี (Keezy) มาทำเพลงแนว EDM (Electronic Dance Music) ในนาม แบงแบงแบง (BangBangBang) หนึ่งโมเมนต์แห่งความพอใจที่สุดของเขาคือได้จัดงานเอเชียนฮิปฮอปเฟสติวัลไปเมื่อปี 2008 และได้ชักชวนศิลปินฮิปฮอประดับโลกให้มาทำงานด้วยได้สำเร็จ
กฤษฏิ์ จิระเกียรติวัฒนา
หรือ “ก้อง Hive Salon” แฮร์สไตลิสต์ผู้อยู่เบื้องหลังทรงผมและลุคสุดเก๋ของดาราเซเลบริตี้มากมาย ชายหนุ่มจบปริญญาตรีสาขา International Business ที่สหรัฐอเมริกา แต่ระหว่างเรียนนั้นด้วยความหลงใหลในการทำผม เขาจึงขอไปฝึกงานในร้านทำผมแถวเบเวอร์รีฮิลด์ และได้ฝึกฝีมือกับเพื่อนคนไทยที่มารอต่อคิวให้เขาทำผมให้ทุกวัน เมื่อรู้ตัวว่าชอบมากจึงหันมาเอาปริญญาด้านนี้โดยตรงจากอังกฤษ ซึ่งได้เรียนรู้เทคนิคล้ำเลิศต่างๆ มามากมาย
เมื่อกลับมาเมืองไทย เขาได้เปิดร้าน Hive Salon ที่ Portico หลังสวนเป็นสาขาแรก ซึ่งมีอายุครบ 3 ปีแล้วในปีนี้ ก่อนจะมีสาขาที่ 2 ที่เซ็นทรัลเอมบาสซี ซึ่งเปิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว “ถามว่านี่ป็นทางเลือกที่ง่ายไหม มันไม่ใช่เลย ที่บ้านผมไม่เคยมีใครทำธุรกิจนี้ จริงๆ จะผมทำธุรกิจของที่บ้านก็ได้ มันมีเงินปันผล มีรายได้ที่แน่นอน แต่ผมก็เลือกทางนี้ ทำได้ปีนึงก็สามารถเอาเงินไปคืนที่บ้านได้ทั้งหมด” ก้องพูดด้วยความภูมิใจในอาชีพที่เขารัก “คนจะชอบคิดว่าผมโชคดีจังเลย เปิดร้านแป๊บเดียว ปีสองปีก็ประสบความสำเร็จแล้ว ได้ทุนคืน แต่คุณไม่รู้หรอกว่า สมัยเรียนที่อเมริกา ผมเคยเก็บเงินของตัวเองเพื่อไปทำผมกับช่างผมเก่งๆ ทั้งหลาย เคยไปทำงานเป็นเด็กในร้านทำผมที่เบเวอร์ลี ฮิลส์ ตั้งแต่เช็คบุ๊กกิ้ง เสิร์ฟชากาแฟ กวาดพื้น เอาผ้าไปซัก ทำทุกอย่างในร้านทำผม เพื่อเรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง”
เมื่อให้กล่าวถึงแฟชั่นของหนุ่มไทย ก้องบอกว่า
“เดี๋ยวนี้ผู้ชายไทยแต่งตัวดีมาก แม้จะเป็นชุดทางการที่ต้องขรึมแต่ก็ยังแอบมีลูกเล่นอยู่ในนั้น เช่น ลายเนคไทหรือถุงเท้า แต่สิ่งที่อาจต้องปรับปรุงบ้างก็คือคนไทยอยู่ในคอมฟอร์ตโซนมากเกินไป ถ้าใส่ชุดแบบนี้แล้วรอด ทำผมทรงนี้แล้วหล่อ ก็จะทำอยู่อย่างนั้น 5 ปี 10 ปี ซึ่งจริงๆ การเปลี่ยนแปลง และการได้ลองผิดลองถูกมันคือสิ่งที่ดีนะครับ”
ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์
มาถึงรุ่นที่ 2 ของช. การช่าง บริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศที่มีอายุกว่า 40 ปี เริ่มส่งไม้ต่อไปยัง “โจ้ ช.การช่าง” ชายหนุ่มหัวดีที่เลือกศึกษาด้านวิศวกรรมไฟฟ้าควบคู่กับทัศนศิลป์ที่สหรัฐอเมริกา ทำให้เขามีความคิดที่เปิดกว้าง สามารถผสมผสานความคิดสร้างสรรค์และความคิดแนวตรรกะได้ดี ในช่วงใกล้จบปริญญาตรีเขามีโอกาสได้ไปฝึกงานด้านการเงินที่นิวยอร์ก จนได้สัมผัสกับสเน่ห์แห่งโลกการเงิน จึงตัดสินใจเลือกเรียนต่อปริญญาโทด้านการเงินเต็มตัว เมื่อจบมาก็ได้เข้าทำงานกับบริษัทชั้นนำทางการเงินที่นิวยอร์กอยู่ถึง 6 ปี ก่อนจะกลับมาทำงานที่บริษัทช.การช่าง ซึ่งเขาใช้ความรู้ขยับขึ้นสู่ตำแหน่งบริหาร ซึ่งจะมากำหนดทิศทางของบริษัทในรุ่นที่ 2 ที่น่าติดตามโจ้คิดว่าความน่าสนใจของโลกการเงินคือ
“การที่ตัวเลข หุ้น หรือการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างๆ เวลาอธิบายในตำราเรียนนั้นเป็นอย่างหนึ่ง แต่เมื่อมาได้ทำงานด้วยจริงๆ จะรู้ว่าการเงินนั้นมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามามีอิทธิพลมากมาย ซึ่งหนังสือไม่สามารถอธิบายได้ มันเป็นประสับการณ์ที่ต้องสัมผัสเอง จึงจะเห็นถึงสเน่ห์ของการเงิน ซึ่งนอกจากนี้เรื่องการเงิน ยังเกี่ยวพันกับการใช้ชีวิตอย่างแยกจากกันไม่ได้”
แม้ว่าไม่ได้เป็นทุกอย่างของชีวิต แต่เรื่องเงินๆ ทองๆ สามารถตอบโจทย์ชีวิตได้ กับวิถีชีวิตที่เราฝันไว้ ถ้าเรามีอำนาจในการบริหารและจัดการกับมันได้ การเงินก็จะทำให้ตอบโจทย์ชีวิตได้หลายมุม นอกจากไลฟ์สไตล์ยามว่างที่ชอบออกกำลังกายแล้ว ด้านการเงิน เขาเองก็มีการลงทุนในตลาดหุ้น การออม และในรูปแบบการสะสมเช่นกัน
ดร.ฐิติพร สงวนปิยะพันธ์
ดร.เนนท์ – ฐิติพร สงวนปิยะพันธ์ หญิงสาวผู้เติบโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจจิวเวลรี่ เธอบ่มเพาะความรักในสินค้าหรูหรา แล้วแปรมาเป็นชีวิตและการงาน ดร.เนนท์ศึกษาด้านธุรกิจจากมหาวิทยาลัยวิสคอนสิน-เมดิสัน สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปริญญาตรีจนถึงปริญญาเอก ตั้งแต่การสร้างธุรกิจไปจนถึงความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ดร.เนนท์เห็นว่าศาสตร์เกี่ยวกับผู้บริโภคคือกลไกสำคัญในการทำธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต หลังจากที่เรียนจบ เธอก็ร่วมกับครอบครัว เปิดแบรนด์ SETTE เครื่องประดับฝีมือคนไทยที่ทัดเทียมต่างประเทศ แต่นอกจากธุรกิจส่วนตัว ดร.เนนท์ต้องการใช้ความรู้เฉพาะทางของเธอให้มีประโยชน์ต่อสังคมด้วย
ตลาดสินค้าหรูหราถือเป็นตลาดใหญ่ในเมืองไทย แต่ช่องว่างของอุตสาหกรรมคือหลักสูตรความรู้ในการจัดการแบรนด์ และ LUXELLENCE CENTER ก็เข้ามาตอบโจทย์นี้ด้วยการเป็นศูนย์ความรู้ด้านแบรนด์สินค้าหรูหรา ซึ่งมีทั้งหลักสูตรปริญญาตรีและหลักสูตรสำหรับผู้บริหาร ในฐานะที่เธอเป็นทั้งผู้อำนวยการ และร่วมออกแบบหลักสูตร ดร.เนนท์จึงมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในอุตสาหกรรมนี้ แต่นิยามความหรูหราสำหรับตัวเธอเองกลับไม่ใช่สินค้าหรูหรา แต่เป็น
“การมีเวลาทำในสิ่งที่เรารัก นอกเหนือจากงานที่เรารักแล้ว เพราะสิ่งของที่เราอยากได้ เราก็สามารถที่จะหามาได้ แต่เวลาสำหรับสิ่งอื่นๆ ในชีวิต เช่น การเต้นรำที่เนนท์ชอบมาก หรือเรื่องอื่นที่เราจะมีเวลาทำได้เต็มที่ โดยไม่ต้องคิดถึงงานหรือความเครียดใดๆ นั่นคือความหรูหราอย่างที่สุดค่ะ แต่ถ้าพูดถึงความหรูหรากับผู้ชาย เนนท์คิดว่าคือการที่เขาคัดสรรสิ่งที่ดีและเหมาะกับตัวเอง และแสดงออกมาอย่างมีศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิต การเดินทาง การทานอาหารที่บ่งบอกรสนิยมที่ดี โดยไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง แต่มีความเฉพาะตัวของตัวตนของเขาจริงๆ นั่นแหละ ความหรูหราที่แท้จริงค่ะ”
กุสุมา ไกรมณี
ครูสอนทำอาหารผู้สวยสะดุดตา ทว่ารูปโฉมนั้นไม่ใช่คุณค่าเดียวของเธอ ครูแจงเปี่ยมไปด้วยความสามารถในการทำอาหาร เพราะเธอพบรักกับอาหารมาตั้งแต่ยังเป็นสาวน้อยวัย 17 เธอเป็นนักชิมตัวยงที่มีความสัมพันธ์อันดีกับอาหาร ถึงขั้นเอ่ยปากว่า “ไม่เคยเจออาหารที่รู้สึกไม่อยากทาน” แต่ด้วยความชอบในการรับประทานของหวานซึ่งเป็นศัตรูของหุ่นเพรียวงาม ประกอบกับเหตุผลที่ต้องการลบคำสบประมาทที่ว่าเป็นเชฟต้องอ้วน ทำให้ครูแจงต้องใช้พรสวรรค์เฉพาะตัวในการรับรู้และจดจำรสชาติ เพื่อวิเคราะห์และคิดค้นสูตรใหม่ๆ เธอจึงใช้วัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน เน้นคุณค่าทางโภชนาการแทนวัตถุดิบที่เสริมห่วงยางรอบเอว ทำให้สูตรเฉพาะของเธอดีต่อสุขภาพแต่ก็ยังคงความอร่อยน่าลิ้มลอง
หนึ่งในเมนูที่จุดประกายให้เธอลองปรุงอาหารด้วยตัวเองคือ สตรอเบอร์รี่ชอร์ตเค้กสไตล์ญี่ปุ่น เธอเล่าว่าเป็นเมนูที่มีรสสัมผัสเบาและใช่เลยสำหรับเธอ เธอจึงทุ่มเทให้กับการทำเค้กสไตล์ญี่ปุ่นตั้งแต่นั้นมา แต่ใช่ว่าเธอจะทำขนมเก่งอย่างเดียว เสน่ห์ปลายจวักในเมนูอาหารคาวของเธอก็ไม่เป็นรองใคร
เส้นทางสู่วงการอาหารของเธอเกิดขึ้นโดยความบังเอิญเมื่อเธอได้รับมอบหมายให้ลองสอนในโรงเรียนสอนทำอาหารแห่งหนึ่ง เพราะคุณครูอีกท่านไม่มาสอนกะทันหัน ปรากฎว่าเธอเป็นที่ชื่นชอบของนักเรียน เธอจึงขยันคิดค้น และสะสมสูตรอาหารต่างๆ จากนั้นก็เข้าสู่วงการนี้อย่างเต็มตัว
“อาหารที่ได้ทานแล้วประทับใจ เราก็อยากลองมาปรับปรุงให้สามารถทำเองได้และปรับสูตรให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราเอง”
“อาหารทุกจานมีความหมายค่ะ ขนมทุกชิ้น ทุกๆอย่างที่เราปรุงมีความหมายในตัวของมันเอง แต่สิ่งที่ทำให้มันพิเศษคือวัตถุดิบที่หลากหลายมากขึ้น แต่ถ้าถามว่าพิเศษยังไง มันขึ้นอยู่กับว่าเราทำให้ใครมากกว่า ความพิเศษมันอยู่ที่เราปรุงเพื่อใครและเราจริงจังกับมันแค่ไหน”
วสุ วิรัชศิลป์
สถาปนิกหนุ่มคนดังของวงการ ที่สร้างชื่อจากสถาปัตยกรรมดีไซน์ล้ำแฝงนัยยะพร้อมให้ตีความ ผลงานของวสุ ภายใต้ชื่อสตูดิโอ VasLab Architectue ได้จากการยอมรับและรางวัลมากมายจากทั้งในเมืองไทยและระดับนานาชาติ เช่น งานที่น่าจดจำอย่างโชว์รูม Honda Big Wing บนถนนเลียบทางด่วนเอกมัย – รามอินทรา และรีสอร์ท Casa De La Flora ที่เขาหลัก จังหวัดพังงา เป็นต้น ทั้งสองงานนี้มีดีไซน์ที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ยังคงแก่นของดีไซน์ที่เป็นอัตลักษณ์ของวสุ
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความสนใจของ “สถาปนิกขวัญใจเด็กแนว” คนนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะสถาปัตยกรรม แนวคิดเบื้องหลังงานของเขามีเรื่องของศิลปะและดีไซน์สนับสนุนอยู่เสมอ วสุคิดว่า
“ปัจจุบันศิลปะและการออกแบบมันเชื่อมโยงเข้ากับชีวิตทุกคนแล้วนะครับ ยกตัวอย่างวงการธุรกิจ เมื่อก่อนอาจแข่งกันที่ราคา แต่ตอนนี้หลายธุรกิจให้ความสำคัญกับมูลค่าการออกแบบและการทำแบรนด์ดิ้งกันหมดแล้ว รวมถึงยังมีสถิติว่าประชากรในเมืองไทยเริ่มมีความสนใจศิลปะกันมากขึ้น เมื่อก่อนเรามีมิวเซียม มีแกเลอรี่ไม่กี่แห่ง แต่ตอนนี้มีมากมาย และผนึกกำลังกันทำงานศิลปะ วัฒนธรรม ดนตรี และการออกแบบต่างๆ ก็เคลื่อนที่ไปข้างหน้ากันหมด สถาปัตยกรรมเองก็เช่นกัน ถ้าสถาปัตยกรรมดี คนที่อยู่ก็มีความสุข และความสุขนั้นก็จะสร้างแรงบันดาลใจกับเขา และยังให้แรงบันดาลใจแก่สังคมด้วย”
และสำหรับสถาปนิกที่ได้ชื่อรูปหล่อ ตัวเขาเองคิดว่าผู้ชายจะหล่อได้ไม่ใช่ที่หน้าตาเท่านั้น แต่ผู้ชายจะหล่อได้ต้องเป็นตัวของตัวเองก่อนอันดับแรก แล้วสิ่งนั้นจะแสดงออกมาเอง ด้วยการเลือกข้าวของหรือไลฟ์สไตล์ มันเป็นเรื่องของรสนิยม และรสนิยมก็เกิดขึ้นจากสิ่งที่เราประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะหรือความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเราต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่าชอบอะไร เมื่อเข้าใจแล้วก็แสดงออกมาเป็นการแต่งกาย การเลือกของ การเลือกดื่ม หรือการเลือกที่จะมีสถาปัตยกรรมแบบไหนก็เชื่อมโยงกันหมดเลย
Fitness First
คลับเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกายจากอังกฤษ ที่สร้างมาตรฐานสูงจนสามารถขยายสาขาได้กว่า 360 แห่งใน 16 ประเทศ และมีสมาชิกกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก ด้วยเครือข่ายที่กว้างไกลและใหญ่เป็นอันดับ 1 นี้ ทำให้ฟิตเนส เฟิรส์ทมองเห็นเทรนด์สุขภาพและการออกกำลังกายก่อนใคร
สำหรับ Fitness First ประเทศไทยมีสาขา 27 สาขา Mark Buchanan – Managing Director ของคลับพรีเมียมแห่งนี้บอกว่าเป้าหมายของคลับคือการสร้างแรงบันดาลใจให้แก้ผู้คนเพื่อผลลัพธ์ด้านสุขภาพและความแข็งแรง เพราะปัจจุบันนี้ การออกกำลังกายในยิมไม่ใช่เป็นแฟชั่นอีกต่อไปแล้ว แต่คือส่วนหนึ่งในชีวิตของคนในปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ไม่ได้ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักเหมือนกระแสเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ถึงวันนี้คนออกกำลังกายเพราะเข้าใจประโยชน์ของความฟิตอย่างแท้จริง และตั้งเป้าหมายจริงจังในการออกกำลังกาย ทั้งในเรื่องการสร้างกล้ามเนื้อที่สวยงาม และการสร้างพลังงานพร้อมรับมือกับชีวิตในโลกปัจจุบัน การสร้างคลับสุขภาพที่ดีที่สุดตั้งแต่สถานที่ อุปกรณ์ ไปจนถึงครูฝึกที่คัดมาจากหัวกะทิของผู้ที่จบปริญญาตรีทางวิทยาศาสตร์การกีฬาเท่านั้น เพราะถึงตอนนี้ กลุ่มเป้าหมายที่ยอมจ่ายเพื่อการออกกำลังกายที่ดีที่สุดนั้นกำลังขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน Fitness First ก็ต้องการสร้างประโยชน์แก่สังคมด้วยโครงการให้ความรู้และคลาสออกกำลังกายฟรีสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
“ตอนนี้ผู้คนเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการออกกำลังกายมากขึ้น ทุกคนต้องมีความแข็งแกร่งเอาไว้ขับเคลื่อนชีวิต เพราะปัจจุบันคนเราต้องทำสิ่งต่างๆ มากมาย ในการออกกำลังกาย ถ้าคุณยิ่งทำได้ คุณก็จะมีแรงขับให้อยากทำอย่างอื่นมากขึ้นด้วย นี่เป็นไลฟ์สไตล์ที่เป็นที่สุดสำหรับคนรุ่นใหม่ ซึ่งผมว่าก็เป็นลอปติมัมไงฟ์สไตล์เหมือนกันนะ”
แต่ถ้าจะพูดให้ชัด ลอปติมัมไลฟ์สไตล์สำหรับผมคือ สามารถทำอะไรก็ในที่คุณต้องการจะทำโดยไม่อ่อนข้อให้กับสิ่งใด โดยไม่สูญเสียพลังของตนเอง ใช้ชีวิตเต็มที่ พุ่งเข้าหาทุกโอกาส ทำทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่น และสนุกกับมัน