มหากาพย์ Mad Max ที่ออกฉายครั้งแรกเมื่อปี 1979 หลังจากนั้นได้ถูกเก็บขึ้นหิ้งมากว่า 30 ปี และวันนี้ จอร์จ มิลเลอร์ ได้นำมหากาพย์เรื่องนี้กลับมาสู่สายตาคนดูอีกครั้งกับ Mad Max: Fury Road
‘When the gangs take over the highways, remember he’s on your side.’ คือคำโปรยบนโปรสเตอร์ Mad Max 1 (1979) ที่มีระยะเวลาการฉาย 93 นาที ใช้เวลาถ่ายทำ 12 สัปดาห์ นำแสดงโดย เมล กิ๊บสัน ถือเป็นหนังที่ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงที่น่าจับตามองในขณะนั้นเลยก็ว่า สำหรับรายได้จากบ็อกออฟิศทั่วโลกอยู่ที่ 100,000,000 เหรียญสหรัฐฯ
หากใครย้อนกลับไปดูทั้งภาคแรกและภาคที่ 2 จะเห็นยาพาหนะที่ใช้ในหนังเรื่องนี้อย่าง Ford Falcon XB Hardtop GT351, Ford Falcon XA, Ford Falcon XB, Ford Falcon XB Coupe, Landau LTD, Baggy VW, Mack Truck R600, Chevy Truck, Ford Station Wagon, Valiant VH1973, Desoto 1959, Yamaha XS1100E (โดยประมาณ) ลอปติมัมเลยรวมตัวเด่น 10 คันใน Mad Max: Fury Road มาให้ได้ตื่นตาในความบ้าของรถที่ตอนอยู่ในโรงแอบคิดในใจว่า ‘ออกแบบมาได้ไงว่ะ อย่างล้ำ’
The War Rig
ถูกออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ กึ่งเทรลเลอร์ กับ Hot Rod ผลลัพธ์ที่ได้คือนักล่า 18 ล้อความยาว 78 ฟุต ดัดแปลงบนพื้นฐานรถบรรทุก Tatra 6×6 จากสาธารณรัฐเชก ด้านหลังจะเห็นการเพิ่มแคปสำหรับห้องโดยสารด้วยการติดตั้งส่วนท้ายของ Chevrolet Fleetmaster ตัวถังซีดาน ตัวแคปเปิดเหวี่ยงออกทางด้านหลังแบบตู้กับข้าวหรือ suicide doors ด้านท้ายมีป้อมเล็กๆ ที่ใช้ซากของ VW Beetle ตัวรถขับเคลื่อนด้วยการใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์ทวิน V8 กลายพันธุ์มาเพื่อใช้เป็นที่เก็บของเหลวและอาวุธสงคราม มันคือหัวหน้าที่พาเหล่านักล่าท่องไปยังดินแดนที่กระหายสงครามต่างๆ สามารถแล่นได้ทั้งบนถนนขรุขระ บังคับโดยนักล่าผู้กล้าหาญที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุด
The Gigahorse
คือความทรงจำของความรุ่งเรืองในอดีตและความปรารถนาถึงชัยชนะในอนาคต Gigahors ใช้ Cadillac de Ville รุ่นปี 1959 ตัวถังคูเป้ 2 คันมาเพิ่มความโปร่งโล่งในห้องโดยสารด้วยการนำมาซ้อนกันเป็นหลังคา 2 ชั้น ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ทวิน V8 ทั้ง 2 บล็อคมีความจุกระบอกสูบรวมมากกว่า 600 ลูกบาศก์นิ้ว หรือมากกว่า 9.8 ลิตร เพิ่มความลุยด้วยชุดล้อแทรคเตอร์หน้า-หลัง ความสูง 2 เมตร เฉพาะเจ้า Gigahorse คันนี้ ทีมงานของ Gibson ใช้เวลาดัดแปลงราว 2 เดือน
Interceptor
พระเอกตัวจริงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก Ford XB Falcon ตัวถังคูเป้รุ่นปี 1974 เครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ตามข่าวรถคันนี้คือ XB Falcon 1 ใน 3 คันที่รอดชีวิตจากการถ่ายทำ Mad Max 2 โดยถูกเก็บไว้ในแอฟริกาใต้สำหรับการดัดแปลงในโปรเจคท์แรกที่มี Mel Gibson เป็นนักแสดงนำช่วงปี 2001 น่าเสียดายที่ Gibson หมดความสนใจในตัวบท Max Rockatansky หลังการถ่ายทำถูกยกเลิกในช่วงปี 2003… อย่างไรก็ตาม มันถูกส่งมายังออสเตรเลียเพื่อให้เป็น Interceptor ของ Tom Hardy หลังจากที่โปรเจคท์ Fury Road เริ่มเดินหน้าต่อ ซึ่งนับเป็นการคืนสู่จอภาพยนตร์อีกครั้งของ XB Falcon หรือ ‘V8 คันสุดท้าย’ (จากบทพูดในภาคแรก) นับจากการถ่ายทำ Mad Max 2
The Nux Car
สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้คือความสมบูรณ์แบบที่ถูกยกให้เป็นความฝันของนักขับขาซิ่ง และมันคือผู้ที่ส่งมอบความตายให้กับศรัตรู สำหรับ The Nux ถือเป็นรถที่ Gibson ชื่นชอบเป็นการส่วนตัวในเซ็ทนี้ งานดัดแปลงใช้พื้นฐานของ Deuce coupe ตัวถัง 5 หน้าต่าง ซึ่งอยู่ในตระกูล Ford Model B รุ่นคลาสสิค และเป็นรถที่นิยมนำมาทำเป็นรถสไตล์ Hot Rods หรือ Rat Rods ในปัจจุบัน การผลิตพละกำลังเป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จ ที่ถูกบูสท์เรียกม้าเพิ่มในชั่วขณะด้วยไนตรัสออกไซด์ และ John Milner เคยขับใน American Graffiti เมื่อปี 1962
FDK
‘รถเต่า’ ใช่ มันคือ Volkswagen Type 1 Beatle ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นรถสำหรับคุ้มกันขบวนคอนวอย ภาพลักษณ์ดิบเถื่อน ติดตั้งถังน้ำมันเปลือยคู่ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 ล้อหลังดัดแปลงสำหรับแบบคู่ ล้อคู่หน้าของ Mercedes พร้อมยางออฟโรด เน้นการเทคนิคการสร้างภายใต้ความคิดที่ว่า ‘อะไรก็ได้ใส่ๆไปเถอะ’
Peacemaker
ยกให้เป็นการมิกซ์แอนแมตซ์ที่สุดโต่ง และชวนนึกย้อนกลับไปถึงยุค 1970s สำหรับเจ้า Peacemaker ที่นำมัสเซิลคาร์อย่าง Chrysler Valiant Charger มาวางบนแชสซีส์รถถังขนาดเบาสัญชาติสหรัฐฯ Ripsaw Tank ตัวถังด้านข้างถูกหั่นในแนวเฉียงเพื่อให้รับกับสายพานอย่างน่าเวทนา… แม้จะดูแปลกตา แต่ก็ให้ความรู้สึกทุพลภาพในแบบที่เหมาะสมกับยุคสมัยไร้อารยธรรม นอกจากนี้ Gibson ยังต้องการให้มันวิ่งได้อย่างน้อย 100 กม./ชม. บนเซ็ทอัพประหลาดๆ นี้ ทีมงานจึงทิ้งเครื่องยนต์ดีเซล V8 Duramax ความจุ 6.6 ลิตรไป แล้ววางเครื่องยนต์เบนซิน Merlin V8 ลงไปแทนที่
Mack
ด้วยประชากรที่มีมาก ตามชายฝั่งและพื่นที่ต่างๆมักเต็มไปด้วยขนะ เจ้า Mack จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสุนัขที่ดุร้ายคอยทำหน้าที่กวาดล้างทุกอย่างที่หลงเหลือจากสงคราม สำหรับ Mack คือการกลับมาอีกครั้งของซูเปอร์ทรัค Mack R-series โดยในภาค The Road Warrior เจ้าคันนี้ถือเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่อง และเป็นพระเอกที่ไม่น้อยหน้า XB Falcon ของ Max เลย
Buggy #9
Buggy #9 ที่เห็นนี้ไม่ใช่รถที่ใช้พื้นฐานของ Chevy Corvette แต่เป็นแบรนด์โค๊ชบิลเดอร์จากซิดนี่ย์ที่ก๊อปปี้ตัวถัง Corvette โดยใช้ชื่อในการจำหน่ายว่า ‘Perentti’ มีลูกเล่นเป็นตัว tt เหมือนกัน ตัวถังผลิตจากไฟเบอร์กลาส ขึ้นรูปแบบโมโนคอค ออกจำหน่ายในช่วงต้นยุค 70s
The Big Foot
กระจังหน้าทรงโค้ง 2 ชั้น เอกลักษณ์ของปิคอัพจาก Fargo Motor Car Company ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นรถรีแบดจ์ของ ดอดจ์ จากการที่ ไครสเลอร์ เข้าครอบครองกิจการในช่วงยุค 1930s ตัวรถถูกดัดแปลงเป็นมอนสเตอร์ ทรัค ด้านหลังติดตั้งป้อมยิงฉมวก ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ V8 ซูเปอร์ชาร์จ หมุนล้อขนาดยักษ์ความสูง 66 นิ้วของ Goodyear และใช้ชุดช๊อคฯ ที่มีช่วงชักถึง 48 นิ้ว
Plymouth Rock
เจ้าเม่น Plymouth Rock ตัวนี้เปรียบเสมือนไฮยีน่าแห่งผืนทะเลทราย โดยทางทีมงานของ Gibson เลือกใช้ พลีมัธ คลาสสิครุ่นตัวถังซีดานในการดัดแปลง เห็นได้จากเศษเสี้ยวของกระจังหน้าและชุดโคมไฟหน้า คาดว่าน่าจะมาจากรถที่ใช้ในปีปี 1935 – 1938