WEIGHT LOSS AND GAIN FOR ROLES

Share This Post

- Advertisement -

คอนเท้นต์นี้มีความเสี่ยงสูงผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีกรุณารวบรวมสติก่อนอ่าน!

นอกจากบทบาทการแสดงที่เหนือชั้นของ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์, จาเรด เลโต และ คริสเตียน เบล อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนพูดถึงคือการลดน้ำหนักแบบ ‘ฮวบฮาบ’ เพื่อให้เขาถึงบทบาทของพวกเขา

AMF_7277 (341 of 376).NEF

แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ และจาเรด เลโต แข่งกันลดน้ำหนักจนผอมบักโกรกเพื่อให้สมบทบาทผู้ป่วยโรคเอดส์ในหนัง Dallas Buyers Club (2013) จนกอดคอกันคว้ารางวัลออสการ์ไปคนละตัวในหนังโปรเจคเล็กๆที่ใช้ทุนสร้างไม่ถึง 5 ล้านเหรียญและถ่ายทำเพียง 25 วันอย่าง Dallas Buyers Club กลายเป็นพระเอกในงานประกาศรางวัลออสการ์ปี 2014 โดยส่งแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากบทคาวบอยหนุ่มที่ติดเชื้อเอชไอวีและผันตัวมาเป็นนักเคลื่อนไหวด้านโรคเอดส์ พร้อมกับจาเรด เลโต ที่ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไปครองเช่นกัน จากบทกระเทยผู้ป่วยโรคเอดส์ที่ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน

loptimum weight1

นอกเหนือจากฝีมือการแสดงขั้นเทพ ฝีมือการ ‘ลดน้ำหนัก’ ขั้นเทพไม่แพ้กัน
‘สูตรแมทธิว แม็คคอนาเฮย์’ ระยะเวลา 4 เดือน สามารถลดได้ 21 กิโลกรัม

เขาใช้วิธีการกินอาหารครบทุกมื้อ แต่กินแค่ปลาและผักถ้วยเล็กๆ ภายใต้การดูแลของนักโภชนาการจึงไม่มีผลมากนัก แต่เขาก็ยอมรับว่าส่งผลให้สายตาพร่ามัวในช่วงที่ลดถึงขีดสุด และหลังจากหนังปิดกล้องแมทธิวสามารถกินชีสเบอร์เกอร์ได้สบายๆและใช้เวลา 3 เดือนให้น้ำหนักกลับมาเป็นปกติ

Pop Culture.indd

‘สูตรจาเรด เลโต’ ระยะเวลา 3 อาทิตย์ สามารถลดได้ 13.5 กิโลกรัม!!

พระเจ้า จิตใจพี่แกทำด้วยอะไร..#ยอมใจ หนังเรื่องนี้ถือเป็นผลงานการแสดงในรอบ 5 ปี สำหรับการลดแสนโหดครั้งนี้ทำให้จาเรดเหลือน้ำหนักติดตัวเพียง 50 กิโลกรัม หนำซ้ำเขายังบอกปัดไม่พึ่งนักโภชนาการแต่ขอลดน้ำหนักแบบ ‘ฮาร์ดคอร์ด’ ด้วยตัวเอง โดยมีเคล็ดลับที่ไม่ซับซ้อนดังที่เขาบอกว่า ‘ก็แค่หยุดกิน’ ถึงจะคุ้มค่ากับรางวัลออสการ์ที่ได้รับ แต่ทว่า ‘รางวัลออสการ์’ ก็แลกมาด้วยอันตราย เพราะหลังจากปิดกล้องต่อให้เขาพยายามกินให้น้ำหนักเพิ่มมาเท่าเดิม แต่กระเพาะอาหารและอวัยวะต่างๆ ของร่างกายกลับหดตัวโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้เขากินอะไรได้เพียงเล็กน้อยแม้จะรู้สึกหิวแค่ไหนก็ตาม งานนี้ถึงกลับออกปากว่า ‘จะไม่ลดน้ำหนักเพื่อเล่นหนังอีกแล้ว’

Christian Bale

อันที่จริงจาเรดเคยไปอีกสุดขั้วหนึ่งมาแล้วเมื่อปี 2007 ที่เขาเพิ่มน้ำหนักถึง 30 กิโลกรัม เพื่อรับบทมาร์ค แชปแมน ฆาตกรโรคจิตร่างอ้วนที่สังหาร จอห์น เลนนอน โนหนังเรื่องหนึ่ง Chapter 27 โดยเทคนิคการเพิ่มน้ำหนักคือ สวาปามพิซซ่า พาสต้า และไอศครีมซ้อกโกแลตเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟจนเหลว ผสมน้ำมันมะกอกนิดหน่อยและยกขึ้นดื่ม

kinopoisk.ru

‘ร่างกายสั่งรีโมทได้’ นั่นคือ คริสเตียน เบล

เขาเพิ่มน้ำหนัก 18 กิโลกรัม ด้วยการกินอาหารจังค์ฟู้ดรวมไปถึงเบอร์เกอร์เพื่อรับบทหนักต้มตุ๋นในหนังเรื่อง American Hustle แต่ที่คนพูดถึงกันอย่างเกรียวกราวคือหนังเรื่อง The Machinist ในปี 2004 ที่เบลลดน้ำหนักสะท้านโลก 27 กิโลกรัม ให้เหลือเพียง 54 กิโลกรัม จนหุ่นซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเพื่อรับบทหนุ่มผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับมานานแรมปี เขาใช้เวลา 4 เดือนในการลดน้ำหนักด้วยการกินแค่แอปเปิ้ลวันละผล บวกกับดื่มกาแฟและน้ำเปล่า หลังจากนั้นเขามีเวลาแค่ 2-3 เดือน ในการเตรียมรับบท บรูซ เวย์น ใน Batman Begins ซึ่งต้องเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาเท่าตัว
‘เบลใช้วิธีกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงและเข้าฟิตเนสวันละ 3 ชั่วโมงเหมือนเคย’ และเขาก็กลับมาลดน้ำหนักอีกครั้งสำหรับหนัง The Fighter ปี 2010 จนคว้าออสการ์สมทบชายมาครอง

ปล. การลดน้ำหนักแบบฮวบฮาบจะส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายด้านโดยเฉพาะการทำงานของหัวใจยังเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี เบาหวาน โรคหัวใจ โรคซึมเศร้า และแน่นอนโยโย่เอฟเฟ็กต์… เปลี่ยนจากอด เป็นเลือกกินดีกว่าครับ อยากกินอะไรก็กินนะครับแต่กินแบบมีสติ

- Advertisement -
Previous article
Next article