คอนเท้นต์นี้มีความเสี่ยงสูงผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีกรุณารวบรวมสติก่อนอ่าน!
นอกจากบทบาทการแสดงที่เหนือชั้นของ แมทธิว แม็คคอนาเฮย์, จาเรด เลโต และ คริสเตียน เบล อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนพูดถึงคือการลดน้ำหนักแบบ ‘ฮวบฮาบ’ เพื่อให้เขาถึงบทบาทของพวกเขา
แมทธิว แม็คคอนาเฮย์ และจาเรด เลโต แข่งกันลดน้ำหนักจนผอมบักโกรกเพื่อให้สมบทบาทผู้ป่วยโรคเอดส์ในหนัง Dallas Buyers Club (2013) จนกอดคอกันคว้ารางวัลออสการ์ไปคนละตัวในหนังโปรเจคเล็กๆที่ใช้ทุนสร้างไม่ถึง 5 ล้านเหรียญและถ่ายทำเพียง 25 วันอย่าง Dallas Buyers Club กลายเป็นพระเอกในงานประกาศรางวัลออสการ์ปี 2014 โดยส่งแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากบทคาวบอยหนุ่มที่ติดเชื้อเอชไอวีและผันตัวมาเป็นนักเคลื่อนไหวด้านโรคเอดส์ พร้อมกับจาเรด เลโต ที่ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไปครองเช่นกัน จากบทกระเทยผู้ป่วยโรคเอดส์ที่ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน
นอกเหนือจากฝีมือการแสดงขั้นเทพ ฝีมือการ ‘ลดน้ำหนัก’ ขั้นเทพไม่แพ้กัน
‘สูตรแมทธิว แม็คคอนาเฮย์’ ระยะเวลา 4 เดือน สามารถลดได้ 21 กิโลกรัม
เขาใช้วิธีการกินอาหารครบทุกมื้อ แต่กินแค่ปลาและผักถ้วยเล็กๆ ภายใต้การดูแลของนักโภชนาการจึงไม่มีผลมากนัก แต่เขาก็ยอมรับว่าส่งผลให้สายตาพร่ามัวในช่วงที่ลดถึงขีดสุด และหลังจากหนังปิดกล้องแมทธิวสามารถกินชีสเบอร์เกอร์ได้สบายๆและใช้เวลา 3 เดือนให้น้ำหนักกลับมาเป็นปกติ
‘สูตรจาเรด เลโต’ ระยะเวลา 3 อาทิตย์ สามารถลดได้ 13.5 กิโลกรัม!!
พระเจ้า จิตใจพี่แกทำด้วยอะไร..#ยอมใจ หนังเรื่องนี้ถือเป็นผลงานการแสดงในรอบ 5 ปี สำหรับการลดแสนโหดครั้งนี้ทำให้จาเรดเหลือน้ำหนักติดตัวเพียง 50 กิโลกรัม หนำซ้ำเขายังบอกปัดไม่พึ่งนักโภชนาการแต่ขอลดน้ำหนักแบบ ‘ฮาร์ดคอร์ด’ ด้วยตัวเอง โดยมีเคล็ดลับที่ไม่ซับซ้อนดังที่เขาบอกว่า ‘ก็แค่หยุดกิน’ ถึงจะคุ้มค่ากับรางวัลออสการ์ที่ได้รับ แต่ทว่า ‘รางวัลออสการ์’ ก็แลกมาด้วยอันตราย เพราะหลังจากปิดกล้องต่อให้เขาพยายามกินให้น้ำหนักเพิ่มมาเท่าเดิม แต่กระเพาะอาหารและอวัยวะต่างๆ ของร่างกายกลับหดตัวโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้เขากินอะไรได้เพียงเล็กน้อยแม้จะรู้สึกหิวแค่ไหนก็ตาม งานนี้ถึงกลับออกปากว่า ‘จะไม่ลดน้ำหนักเพื่อเล่นหนังอีกแล้ว’
อันที่จริงจาเรดเคยไปอีกสุดขั้วหนึ่งมาแล้วเมื่อปี 2007 ที่เขาเพิ่มน้ำหนักถึง 30 กิโลกรัม เพื่อรับบทมาร์ค แชปแมน ฆาตกรโรคจิตร่างอ้วนที่สังหาร จอห์น เลนนอน โนหนังเรื่องหนึ่ง Chapter 27 โดยเทคนิคการเพิ่มน้ำหนักคือ สวาปามพิซซ่า พาสต้า และไอศครีมซ้อกโกแลตเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟจนเหลว ผสมน้ำมันมะกอกนิดหน่อยและยกขึ้นดื่ม
‘ร่างกายสั่งรีโมทได้’ นั่นคือ คริสเตียน เบล
เขาเพิ่มน้ำหนัก 18 กิโลกรัม ด้วยการกินอาหารจังค์ฟู้ดรวมไปถึงเบอร์เกอร์เพื่อรับบทหนักต้มตุ๋นในหนังเรื่อง American Hustle แต่ที่คนพูดถึงกันอย่างเกรียวกราวคือหนังเรื่อง The Machinist ในปี 2004 ที่เบลลดน้ำหนักสะท้านโลก 27 กิโลกรัม ให้เหลือเพียง 54 กิโลกรัม จนหุ่นซูบผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกเพื่อรับบทหนุ่มผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับมานานแรมปี เขาใช้เวลา 4 เดือนในการลดน้ำหนักด้วยการกินแค่แอปเปิ้ลวันละผล บวกกับดื่มกาแฟและน้ำเปล่า หลังจากนั้นเขามีเวลาแค่ 2-3 เดือน ในการเตรียมรับบท บรูซ เวย์น ใน Batman Begins ซึ่งต้องเพิ่มน้ำหนักขึ้นมาเท่าตัว
‘เบลใช้วิธีกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงและเข้าฟิตเนสวันละ 3 ชั่วโมงเหมือนเคย’ และเขาก็กลับมาลดน้ำหนักอีกครั้งสำหรับหนัง The Fighter ปี 2010 จนคว้าออสการ์สมทบชายมาครอง
ปล. การลดน้ำหนักแบบฮวบฮาบจะส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายด้านโดยเฉพาะการทำงานของหัวใจยังเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี เบาหวาน โรคหัวใจ โรคซึมเศร้า และแน่นอนโยโย่เอฟเฟ็กต์… เปลี่ยนจากอด เป็นเลือกกินดีกว่าครับ อยากกินอะไรก็กินนะครับแต่กินแบบมีสติ