Legendary Hermès
H for…Hour
ถึงแม้ว่านาฬิกา แอร์เมส จะไม่ใช่สินค้าตัวแรกของแบรนด์ แต่มั่นใจว่าเป็นสินค้าอันดับต้นๆเมื่อคนพูดถึงแอร์เมส เพราะลูกค้าทุกคนในวงการแฟชั่นล้วนเห็นพ้องต้องกันว่า นาฬิกาจากบ้านนี้มีพลังแห่งการดึงดูดให้ผู้คนต่างหลงใหลไปกับดีไซน์ที่สุดยอดของมัน จุดเด่นของนาฬิกาแอร์เมสคือกลไกลทูร์บิญงอันแสนซับซ้อนที่มีการวิจัยค้นคว้าและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนอาจเรียกได้ว่าใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้
I for…Imprint
ที่นี่ เราพิมพ์ลายลงผ้าพันคอ ตั้งแต่ปี 1973 แล้วที่ผ้าพันคอจากแอร์เมสเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเพราะลายพิมพ์ที่เป็นเอกลักษณ์กับเนื้อผ้าไหมชั้นดีที่ใช้กรรมวิธีการท้อแบบทวิล โดยยังคงรักษาการผลิตแบบดั้งเดิมจากแบบฉบับการท้อจากแคว้นลิยง ที่สำคัญทุกผืนทำจากมือล้วนๆ ในแต่ละอาทิตย์ที่นี่จะส่งออกผ้าพันคอจำนวน 15,000-20,000 ผืน และอาจจะถึง 40,000 ผืนในช่วงพีค
J for…John Lobb
ถ้าเปรียบเทียบกับรถยนต์ รองเท้าแอร์เมสก็เหมือนกับ แอสตัน มาร์ติน ทั้งมีมนต์เสน่ห์และวิจิตรบรรจง และเป็นที่ปรารถนาของผู้ชายหลายต่อหลายคน กรรมวิธีและวิทยาการในการผลิตรองเท้าของชาวอังกฤษได้ถูกส่งต่อเรื่อยมาจนถึง จอห์น ลอบบ์ ช่างทำรองเท้าคนเก่าแก่ที่ได้ชื่อว่าเป็นช่างทำรองเท้าที่ดีที่สุดในโลก จอห์น ลอบบ์ถือว่ามีส่วนสำคัญมากในร้านแอร์เมสที่ปารีส เพราะการขายรองเท้าของเขาภายใต้แบรนด์นี้ ทำให้รองเท้าออกจากร้านได้มากถึง 700 คู่ต่อสัปดาห์ จนมาประทับตราแอร์เมสอย่างถาวรในปี 1976
K for…Kelly
กระเป๋ารุ่น Kelly ดูสาวไปหน่อยนะสำหรับนิตยสารผู้ชาย!! แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ก็คงต้องเคยได้ยินชื่อกระเป๋านี้มานานแล้ว แบรนด์ที่เริ่มจากการผลิตเครื่องหนังสำหรับแข่งม้าแห่งนี้ ยังยึดถือความ ‘มินิมัล’ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากหนัง ทั้งเข็มขัด ไดอารี สมุดจด หรือแม้กระทั่งที่พันผ้าเช็ดตัวที่ทำมาจากหนังลูกวัว ซึ่งบางทีก็มีโลหะแผ่นทองประดับอยู่ ปิดท้ายด้วยโลโก้ม้าที่ลือชื่อ ตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ 6 ตัวพร้อมเส้นขั้นและคำว่า ‘Paris’ นอกจากนี้สินค้าเล็กๆอย่างกระเป๋าใส่เหรียญหรือปกสมุดก็ได้รับการออกแบบมาอย่างละเอียด
L for…Luxe
เพราะแอร์เมสมองว่าเข็มขัดไม่ได้เป็นเพียงเข็มขัด และเนคไทไม่ใช่เนคไท แต่ทุกอย่างคือเสื้อผ้าชั้นสูง คงเป็นสิ่งที่แอร์เมสก้าวขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าของคู่แข่งแบรนด์อื่น ในหนังสือ Pitit Lexique des gestes Hermes (ถ้อยคำสรรเสริญแห่งแอร์เมส,ผู้แปลที่เขียนโดย โอลิเวอร์ ไซยารด์) กล่าวถึงความน่าประทับใจที่แอร์เมสพิถีพิถันในทุกรายละเอียดของงาน งานทุกชิ้นล้วนคือสิ่งสำคัญสำหรับเขา รวมทั้งกรรมวิธีในการท้อผ้าแต่ละชนิด เปรียบเสมือนเขามีคลังสรรพาวุธเป็นของตัวเองที่เต็มไปด้วยความรู้เรื่องเทคนิกต่างๆ
M for…Maison
ในปี 2011 แอร์เมสได้เปิดตัวคอลเลกชั่นเฟอร์นิเจอร์ โดยดีไซน์เนอร์ระดับโลก คอนเซ็ปต์ในการออกแบบคำนึงถึงความสบายและผ่อนคลายขณะที่ได้ใช้เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนั้น ซึ่งหนึ่งในชิ้นที่สุดแสนจะเป็นมาสเตอร์พีซเป็นผลงานที่ออกแบบโดย ฌอง มิเซล แฟรงก์ นักออกแบบที่แอร์เมสติดต่อผ่านคอนแท็กต์ส่วนตัวของ ฌอง เรอเน แกร์รองด์(ทายาทรุ่นที่ 4 ของแอร์เมส) ผลงานโดดเด่นด้วยหนังชั้นดีมาหุ้มเพื่อเพิ่มมูลค่า และออกมาในนามของ JM Frank by Hermes ซึ่งงานแต่ละชิ้นที่เขาออกแบบถือเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นอย่างไม่ต้องสงสัย
N for…Nichanian
นิชานิยอง ชื่อที่คนในวงการออกแบบยกย่องให้เธอเป็นหญิงแกร่งแห่งวงการออกแบบ ตลอด 25 ปีที่ทำงานเป็นคนดูแลการออกแบบต่างๆให้กับแอร์เมส จนถึงตำแหน่งหัวหน้างานออกแบบในตอนนี้ กระทั่งซีอีโอยังต้องเกรงใจ!! บางคนเปรียบเธอเป็นอาวุธลับของแบรนด์ เพราะเธอสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนสอนตัดเย็บเสื้อผ้าชั้นสูงโดยตรง เคยเรียนกับดีไซเนอร์ชื่อดังหลายคน และทำงานหลายห้องเสื้อระดับโลก เธอบอกว่าแอร์เป็นมากกว่าความคลาสสิก เพราะมันมีความเป็นตัวของตัวเองที่แข็งแกร่ง
O for…Orange
‘’สีส้มแอร์เมส ใช่แล้ว ใครๆก็เรียกแบบนั้น ท้าให้ไปเปิดในสมุดสีของแพนโทนสีที่ 1448 ดูได้เลย ความเป็นมาของสีส้มนี้เกิดขึ้นมานานแล้วโดยเฉพาะสำหรับคนที่อยู่ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะสีส้มเป็นสีฝุ่นชนิดเดียวที่มีให้ใช้ในช่วงเวลานั้น ทั้งการประทับตรา หรือธุรการรมใดๆก็ตาม จนกลายมาเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของแบรนด์นี้ ซึ่งความหมายของสีส้มอาจหมายถึงความน่าสงสาร แต่ก็เต็มไปด้วยความเมตตาในเวลาเดียวกัน
P for…Picnic
‘Zulu Rocabar’ ชื่อของเซ็ตปิกนิกแสนเก๋ที่ออกมาเอาใจทั้งผู้หญิงที่อยากดูเป็นแม่บ้าน และผู้ชายที่อยากซื้อของฝากให้กับหวานใจ ทั้งเซ็ตบรรจุอยู่ในถุงผ้าฝ้ายชั้นดี
T for…Team
ตั้งแต่ปลายกันยายน 2013 แอร์เมสมีพนักงานอยู่ทั้งหมด 10,829 คน ช่างฝีมือเหล่านี้ มิใช่บุคคลที่บรรพบุรุษของเขาทำงานรับใช้บ้านนี้มาอย่างยาวนาน แต่สิ่งที่เหมือนเดิมและปฏิเสธไม่ได้เลยคือ แอร์เมสเป็นธุรกิจครอบครัวที่อยู่กับโลกแฟชั่นมาเนิ่นนาน ตั้งแต่การก่อตั้งของ เธียร์รีย์ แอร์เมส เริ่มเมื่อ 1837 หลังจากนั้นก็สืบต่อมาโดย เอมิล โมริส อดอล์ฟ จนกระทั่งเปลี่ยนมือมาถึงรุ่นของ ฌอง เรอเน แกร์รองด์ และโรเบิร์ต ดูมาส์ ที่ขยายกิจการได้กว้างขว้างและเพิ่มไลน์ต่างๆ มาใหม่ ในขณะที่โรเบิร์ตมุ่งเน้นดูแลการผลิตหนังให้มีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น เสริมทัพด้วย ปิแอร์ อเล็กซ์ ดูมาส์ลูกพี่ลูกน้องของทั้งคู่
R for…Ride
เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แอร์เมสได้จัดการแข่งขันขี่มากระโดดข้ามเครื่องกีดขวางเป็นครั้งที่ 5(แท้จริงแล้วรายการนี้มีความเก่าแก่เพราะมีตั้งแต่ 1912) ภายใต้หน้าต่างแก้วของ Grand Palais โดยการแข่งขันนี้ถือเป็นเกียรติสำหรับวงการขี้ม้า เพราะเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติ ที่สำคัญยังเป็นช่วงเวลาที่ผู้เข้าแข่งขันได้อวดโฉมเสื้อผ้าและอุปกรณ์ในการแข่งขันต่างๆที่ออกแบบมาเพื่อการขี่ม้าโดยเฉพาะ ไม่ใช่เพราะโลโก้ของแอร์เมสที่มีกับรถลากหรอกนะ ถึงมีการจัดงานนี้ขึ้นมา แต่เพราะเสน่ห์ของผู้ชายบนหลังม้าต่างหากที่เท่กว่าการขี่บนหลังสัตว์อื่นเป็นไหนๆ
F is…Fun
ถึงแอร์เมสจะดูคลาสสิกในสายตาคุณมากเท่าไหร่ แต่ความสนุกยังอยู่คู่กับแบรนด์นี้เสมอ ทิ้งความเชื่อเก่าๆ ออกไปบ้างสำหรับเรื่องราวที่เล่าว่าที่นี่มีความลับต่างๆมากมาย อย่างในปี 2013 แอร์เมสมาในธีม Chic,Sport โดยจำลองบรรยากาศเป็นที่นั่งดูกีฬาประเภทต่างๆ แขกที่มาร่วมงานต้องแย่งที่นั่งดูกันเอาเอง