Beautiful Boy – เพราะชีวิตงดงามเสมอ

Share This Post

- Advertisement -

หลังจากคุ้นหน้าคุ้นตากันไปแล้วกับบทบาทเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในภาพยนตร์เรื่อง Call Me by Your Name มาวันนี้ Timothé Chalamet กลับมารับบทบาทเด็กหนุ่มผู้ติดยาไอซ์ในภาพยนตร์เรื่อง Beautiful Boy ที่สร้างจากเรื่องจริงของเดวิด และนิค เชฟฟ์ สองพ่อลูกที่ร่วมมือกันต่อสู้กับอาการติดยาของลูกชายมาเกินทศวรรษ โดยบทพ่อนั้นนำแสดงโดย Steve Carrell จาก Foxcatcher

มาพูดคุยอุ่นเครื่องกับนักแสดงนำทั้งสอง ก่อนที่จะไปชมภาพยนตร์ได้ในโรงภาพยนตร์ชั้นนำทั่วประเทศ (เข้าฉายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป)

พวกคุณเคยทราบเรื่องราวของ เดวิดและนิค ก่อนที่จะเข้าร่วมโปรเจกต์นี้หรือเปล่า?
สตีฟ
: ผมไม่เคยรู้เรื่องราวของทั้งสองเลยครับ จนกระทั่งทางเอเย่นต์ส่งบทหนังมาให้ผมอ่าน หลังจากที่ผมได้อ่านบท ผมก็ไปหาหนังสือมาอ่านและทำการศึกษาเรื่องราวของพวกเขาทันที และมันก็ทำให้ผมตอบตกลงรับงานชิ้นนี้ครับ

ทิโมธี: ผมรู้จักพวกเขาผ่านหนังสือครับ มันเป็นช่วงเมื่อประมาณ 8 หรือ 9 ปีที่แล้ว หนังสือเล่มนั้นเป็นหนังสือที่มีลายขวาง แถบหนาสีแดง และมีรูปหน้าของนิคที่ถูกเบลออยู่บนหน้าปก ผมจำได้ว่าผมเห็นมันที่ร้านหนังสือในเมืองนิวยอร์ก รู้สึกว่าจะเป็นร้าน The Source นี่ล่ะมั้งครับ ผมรู้สึกว่าสตีฟกับผมต่างรู้สึกไปในทางเดียวกัน เมื่อผมอ่านหนังสือจบผมก็รู้สึกว่าเราควรเผยแพร่เรื่องพวกนี้ให้ผู้คนรู้อย่างรวดเร็วที่สุด และอีกอย่างผมก็อยากจะทำงานร่วมกับสตีฟมาก หนังที่เล่นเล่นนั้นมันช่างสุดยอดจริงๆ ในมุมมองของนักแสดง ผมรู้สึกว่าโอกาสแบบนี้คือโอกาสที่หาได้ยากครับ

การศึกษาที่ว่านี่รวมถึงการพบกับครอบครัวเชฟฟ์ด้วยหรือเปล่า?

สตีฟ: แน่นอนครับ โดยเฉพาะเดวิด เขาเป็นเหมือนกับคนที่ผมเคยจินตนาการเอาไว้หลังจากที่ผมอ่านหนังสือของเขาจบเลย เขาเป็นคนอ่อนโยน โอบอ้อมอารี ฉลาด และมีใจที่เข้มแข็ง แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาเป็นคนที่กล้าแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวของเขาและยอมให้นำมันมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ซึ่งผมเห็นว่ามันเป็นการกระทำที่กล้าหาญมาก เพราะเราเป็นแค่คนแปลกหน้าสำหรับพวกเขา แต่พวกเขากลับให้คนแปลกหน้าเหล่านี้เผยแผ่และตีความสิ่งที่พวกเขาเคยเผชิญ

ทิโมธี: ในแง่ของการศึกษานั้น ผมได้พยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการของผู้ติดยาครับ ซึ่งเดี๋ยวนี้เราสามารถหาอ้างอิงได้ง่ายๆ ผ่านทางสื่อบนโลกออนไลน์ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมอยากจะรู้ว่าผมจะรู้สึกอย่างไรถ้าการเข้ารับการบำบัดนั้นหมายถึงการถูกตัดขาดจากครอบครัวของคุณ ชีวิตของคุณ และคนที่คุณรัก ในขณะที่คุณพยายามเผชิญหน้ากับสถานการณ์ในช่วงที่คุณยังคงเป็นเด็กอยู่

พ่อลูกคู่นั้นมีปฏิกิริยาอย่างไรหลังจากที่ได้ดูเรื่องราวของพวกเขาบนจอภาพยนตร์?

ทิโมธี: ปฏิกิริยาของพวกเขานั้นเป็นภาพที่ทำให้พวกเราประทับใจมากครับ ผมไม่คิดว่าผมจะได้มีส่วนร่วมในการสร้างบรรยากาศเช่นนั้น ผมมีความเห็นว่าหนังสือและภาพยนตร์มีองค์ประกอบของความเป็นมนุษย์อยู่เต็มไปหมด ันไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ขับเคลื่อนด้วยซีจี มันเป็นการบอกเล่าประสบการณ์จริงๆ ของมนุษย์ และที่สำคัญที่สุด มันคือประสบการณ์ที่ผู้คนหลายล้านคนบนโลกใบนี้กำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่ ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจเลยครับที่ได้เห็นทั้ง เดวิดและนิค ถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อพวกเขาได้รับชมภาพยนตร์ที่พวกเราสร้าง

สตีฟ: ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่าถ้าเป็นผม ผมจะรู้สึกอย่างไรหากมีคนนำเอาเรื่องของผมไปสร้างเป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกแบบนี้ พวกเขาแสดงให้เราเห็นถึงความกล้าหาญและความพยายามในการช่วยเหลือผู้อื่นครับ

สตีฟ ในฐานะที่คุณเป็นคุณพ่อลูกสอง คุณมีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรในการรับมือกับอารมณ์ความรู้สึกของบท ความรู้สึกที่ว่าภัยจากยาเสพติดนั้นสามารถเข้าถึงได้ทุกครอบครัว?

สตีฟ: ผมบอกได้เลยว่า นั่นเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวที่สุดในฐานะของคนเป็นพ่อครับ และการเตรียมตัวรับมือกับมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมันเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองอย่างพวกเราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับมันตลอดเวลาอยู่แล้ว ทันทีที่คุณมีลูกของตัวเอง คุณก็จะเริ่มห่วงเริ่มกังวลเรื่องต่างๆ สิ่งเดียวที่คุณอยากจะทำในชีวิตก็คือการปกป้องลูกของคุณให้พ้นจากอันตราย การที่ผมได้พบกับเดวิดทำให้ผมได้รับรู้ว่า เขาเป็นสุดยอดคุณพ่อที่ทั้งดูแลและเอาใจใส่ลูกของเขาอย่างสุดความสามารถเลยครับ

ทิโมธี : ตัวละครทีคุณเล่นนั้นดูสมจริงจนน่ากลัวเลยทีเดียว มันเหมือนราวกับว่าคุณได้กลายเป็นตัวละครตัวนั้นไปแล้ว ในยุคสมัยนี้ ผู้คนมักจะไม่เอ่ยถึงอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับผู้คนที่ต้องการเลิกยา แต่หนังของคุณได้เล่ารายละเอียดในส่วนนี้อย่างชัดเจน

ทิโมธี: นี่คือภาพยนตร์เกี่ยวกับการใช้ยาเสพติด การเลิกใช้มัน และเรื่องราวของครอบครัวครับ ยาไอซ์นั้นอาจเปรียบเทียบได้กับยาเสพติดที่ร้ายแรงอย่างเฮโรอีน มันไม่เลือกเป้าหมาย มันจะเข้าไปทำลายทุกอย่างของคุณ มันเป็นอันตราย มันเป็นสิ่งที่ไม่มีข้อดี และการเลิกใช้มันก็ต้องอาศัยพลังใจเป็นอย่างมาก เมื่อคุณนำองค์ประกอบของวัยรุ่น วัยที่มนุษย์เรายังไม่เป็นผู้ใหญ่ ความยากนั้นก็ยิ่งมีมากขึ้นไปอีกครับ

- Advertisement -