ความดุดันและบึกบึนของเอสยูวีพันธุ์แกร่งสายเลือดอเมริกัน ที่พร้อมจะลุยไปกับคุณในทุกเส้นทางและสภาวะถนนโดยไม่มีข้อแม้

Share This Post

- Advertisement -

THE TRAILBLAZER

อาจจะไม่ใช่แค่เราที่รู้สึกไปเองว่าช่วงหน้าฝน  ที่ผ่านมารถเอสยูวีนั้นมาแรงกว่ารถทุกเซกเมนต์ในท้องตลาด ลอปติมัมจึงดีใจมากที่ได้รับเชิญ  ให้ไปทดสอบสมรรถนะของ Chevrolet 
(เชฟโรเล็ต) รุ่น Trailblazer ตัวใหม่ล่าสุด

dsc_7442-w1

ครั้งนี้ Chevrolet ได้พาเรามุ่งหน้าออกจากกรุงเทพฯ สู่นครราชสีมาเพื่อไปทดสอบ Chevrolet Trailblazer กันในรันเวย์ส่วนตัว ณ แรนโซ ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์ คันทรีคลับ โดยการทดสอบถูกแบ่งออกเป็น 5 สถานีหลักๆ ด้วยกัน เริ่มต้นที่สถานีทดสอบระบบแจ้งเตือน เมื่อออกจากช่องจราจร (Lane Departure Warning) เป็นระบบที่จะคอยเตือนเมื่อรถสามารถตรวจจับได้ว่าคุณเริ่มขับรถได้ไม่ตรงช่องจราจร ถัดมาที่สถานีทดสอบระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา (Side Blind Zone Alert) เป็นระบบที่คุณจะสังเกตได้ที่มุมของกระจกมองข้าง ระบบนี้จะทำงานเมื่อคุณต้องการ  จะเปลี่ยนเลนหากมีรถอยู่ในมุมอับสายตา สัญลักษณ์ไฟสีส้มที่กระจกมองข้างจะติดขึ้นเพื่อเตือนให้คุณระวัง ถัดมาที่สถานีทดสอบระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Alert) สังเกตได้บริเวณกระจกหน้าฝั่งคนขับจะมีสัญญาณไฟขึ้นเตือนหากคุณเข้าใกล้รถคันหน้าเกินระยะที่กำหนด โดยจะแบ่งออกเป็นสองสี คือสีส้มเมื่อใกล้เป็นการเตือนให้คุณระวัง และเปลี่ยนเป็นสีแดงเตือนให้คุณเบรกและทิ้งระยะห่างเพื่อความปลอดภัย ถัดมาที่สถานีทดสอบระบบช่วยเหลือการจอดด้านหลัง (Rear Park Assist) หลายคนอาจจะกังวลเรื่องปัญหาไซส์ของตัวรถที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นปัญหาในการหาที่จอดรถในเมืองใหญ่ๆ ที่มีพื้นที่จำกัดอย่างกรุงเทพฯ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะระบบนี้จะคอยช่วยเหลือการจอดของคุณให้ง่ายขึ้นเพียงคุณควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ และเหยียบคันเร่ง   และสุดท้ายที่สถานีทดสอบระบบแจ้งเตือน การจราจรขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert) มีประโยชน์แน่นอนสำหรับคนที่จอดรถเอาหน้าเข้าบ้าน เมื่อคุณถอยหลังออกระบบนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกมีตาหลังเพราะเซ็นเซอร์จะตรวจจับรถที่วิ่งไปด้านซ้ายและขวาและเตือนคุณที่กระจกมองข้างเพื่อให้ระวังในการถอย ระบบทั้งหมดที่เราได้ทดสอบมานี้ก็เป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใน Trailblazer ใหม่คันนี้

dsc_7331-w1

หลังจากทดสอบสมรรถนะกันไปพอ หอมปากหอมคอกันแล้ว ก็มาทำความรู้จักกับ Trailblazer ใหม่คันนี้กันเล็กน้อย หน้าตาของตัวถังได้ถูกปรับเปลี่ยนให้ดุดันมากขึ้น เพิ่มไฟส่องสว่างด้านหน้าแบบแอลอีดีพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่ตอนกลางวัน ใช้เครื่องยนต์ดีเซล  4 สูบความจุ 2.5 ลิตรพร้อมเทอร์โบ พละกำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร ส่งพลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีระบบพวงมาลัยพาวเวอร์แบบไฟฟ้ามาช่วยในการขับบี่ ราคาเริ่มต้นที่ 1,244,000 บาท

- Advertisement -